เว็บบล็อกของ
นายมารูดิง เส๊ะ
http://photopeach.com/album/a9obyy
http://photopeach.com/album/objf1i?ref=more
2. การท่องเที่ยว
2.1จังวัดปัตตานี มัสยิดกรือเซะ
ตั้งอยู่ริมถนนสายปัตตานี-นราธิวาสหรือทางหลวงแผ่นดินสาย 42 บริเวณบ้านกรือเซะ ห่างจากตัวเมืองปัตตานีประมาณ 7 กิโลเมตร ลักษณะการก่อสร้างมัสยิดแห่งนี้เป็นแบบเสากลมก่ออิฐปูนแบบศิลปะทางตะวันออกกลาง ส่วนที่สำคัญที่สุดคือหลังคาโดมซึ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จมัสยิดเก่าแห่งนี้มีตำนานเล่าว่าเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวสาปแช่งไว้ไม่ให้สร้างเสร็จ บริเวณใกล้เคียงนั้นมีฮวงซุ้ยหรือที่ฝังศพเจ้า
2.2 จังหวัดนราธิวาส
ชายหาดนราทัศน์ เป็นหาดทรายขาวสะอาดยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ไปสิ้นสุดที่ปลายแหลมด้านปากแม่น้ำบางนราซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันเรือกอและที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีด้วย แนวสนทำให้บรรยากาศริมทะเลร่มรื่นมากขึ้น ชาวบ้านนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่ ใกล้ๆ กันมีหมู่บ้านชาวประมงตั้งกระจัดกระจายตามริมแม่น้ำบางนรา และบริเวณเวิ้งอ่าวมีเรือกอและของชาวประมงจอดยู่มากมาย อยู่เลยจากตัวเมืองนราธิวาสไปตามถนนสายพิชิตบำรุง ประมาณ 1 กิโลเมตร นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการรถจักรยานยนต์ รถสามล้อถีบหรือรถสองแถวเล็กจากตัวเมืองนราธิวาสไปยังหาดนราทัศน์ได้สะดวก
2.3 จังหวัดยะลา
บ่อน้ำร้อน เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่งของเบตงที่มีน้ำพุเดือดขึ้นมาจากพื้นดินในหมู่บ้านจะเราะปะไร ตำบลตาเนาะแมเราะ ก่อนถึงอำเภอเบตง 5 กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข 410 มีทางแยกขวาไปอีก 8 กิโลเมตร ตรงจุดบริเวณที่น้ำเดือดสามารถต้มไข่สุกภายใน 7 นาที มีบริการห้องอาบน้ำแร่ ซึ่งเชื่อกันว่าน้ำแร่จากบ่อน้ำร้อนสามารถบรรเทาอาการปวดเมื่อยและรักษาโรคผิวหนัง
3. ประเพณีและวัฒนธรรม

ความหลากหลายทาง ประเพณี และวัฒนธรรมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เช่น ภาษา การแต่งกาย เป็นต้น แต่ความหลากหลายดังกล่าว ก็มิได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งแต่อย่างใด ต่างคนต่างก็เคารพ และยอมรับประเพณีซึ่งกันและกัน โดยสามารถปฏิบัติเมื่อถึงช่วงเวลาปฏิบัติของเพณีนั้นๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา ตรงนี้แหละ ทำให้สังคมในพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความแตกต่าง ที่ไม่เคยแตกแยก และยิ่งส่งผลดี เพราะจะได้มีการเรียนรู้ เข้าใจ ประเพณี และวัฒนธรรมของกันและกันได้ นี่คือ สีสันแห่งความหลากหลายในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้
เทศกาลอาซูรอ หมายถึง พิธีทำขนมซูรอของมุสลิม ตรงกับวันที่ 10 เดือนมูฮารัม (เดือนแรกของศักราชอิสลาม) จัดทำขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุกาณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของศาสนาอิสลาม ประวัติศาสตร์อิสลามบันทึกว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์มหาอุทกภัย ท่านศาสดานุฮ์ ได้นำบรรดาสาวกของท่าน พร้อมด้วยพืชพรรณธัญญาหารหลากหลายประเภท ลงเรือลำหนึ่ง และต่างก็อาศัยอยู่กินกันบนเรือดังกล่าวจนถึงวาระสิ้นสุดของมหาอุทกภัยนั้น และต่างก็พ้น จากมหาอุทกภัย เสบียงอาหารที่เหลืออยู่นั้น ท่านศาสดาได้สั่งให้บรรดาสาวกนำมาปรุงอาหารรับประทานกัน
“อาซูรอ” เป็นภาษาอาหรับแปลว่าชื่อของวันที่ 10 เดือนมุฮัรร็อม (เดือนที่ 1 ตามปฏิทินอิสลาม) เป็นช่วงของการจัดกิจกรรม เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ชาวมุสลิม จึงได้ปฏิบัติตามแบบอย่าง ของท่านศาสดา(ซุนนะฮ์) จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ชุมชนมุสลิมจึงได้จัดงานเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการเอาข้าว ถั่ว งา เนื้อหรือไก่ และผลไม้บางชนิดมากวนเป็นอาหารและแจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านและคนยากจน คาวบ้าง หวานบ้าง เรียกชื่อตามความสำคัญของวันว่า " อาซูรอ "
แล้วจะแจกให้กับคนจนที่อยู่ในหมู่บ้านนั้นๆ งานอาซูรอ เป็นประเพณี วัฒนธรรมหนึ่งที่ปฏิบัติกันทุกปีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อาซูรอ เป็นประเพณีของชาวมุสลิม แต่ถ้าหากผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ หรือ คนจีนจะมาร่วมงานด้วยก็ได้โดยไม่มีปัญหา อาจเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะได้กระชับความสัพันธ์ให้แต่ละศาสนามีความไกล้ชิด และสร้างความสัมพันธ์มากขึ้น ในเดือนนี้ชาวมุสลิมส่วนใหญ่มักจะถือปฏิบัติโดยเฉพาะในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หากบ้านไหนมีความประสงค์ที่จะทำ อาซูรอ ก็สามารถทำได้ โดยศาสนามิได้บังคับใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็น (ซุนนะฮ์) ถ้าทำแล้วได้บุญ ถ้าไม่ทำก็ไม่เป็นไร ในเดือนนี้เราจะได้เห็นการรวมตัวของชาวมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ เพราะการทำ อาซูรอ ต้องแต่ละครั้งต้องใช้ผู้ทำจำนวนหลายๆ คน ช่วยกันกวนในกะทะใหญ่ เสร็จ
แต่ในปัจจุบัน เทศกาลอาซูรอ กำลังจะถูกมองข้ามจากคนรุ่นหลัง และกำลังจะเลือนหายไปจากสังคม 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเกิดจากปัญหาหลายๆ ปัจจัยที่มีผล คือ การพัฒนาของเทคโนโลยี และความขัดแย้งภายใน ที่มีบางกลุ่มไม่ยอมรับประเพณีดังกล่าว จนทำให้บางพื้นที่แถบไม่มี การปฏิบัติของประเพณี วัฒนธรรมนี้อีกเลย
ดังนั้น หากมองภาพรวมในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่มักที่จะละเลย ไม่เห็นถึงความสำคัญจนในตอนนี้ประเพณี วัฒนธรรม อาซูรอ กำลังที่จะเลือนหายไปจากสังคมมุสลิม และในอนาคต เยาวชนคนรุ่นหลังอาจไม่รู้จัก งาน อาซูรอ อีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนควรที่จะรักษาประเพณีดั้งเดิมของชาวมุสลิมให้คงอยู่กับคนมุสลิมรุ่นหลังต่อๆไป..
3.ความรู้สึกในการอบรมคอมพิเตอร์
มีความพอใจด้านหลักสูตรและสื่อในระดับมาก โดยเฉพาะมีความเห็นว่า หลักสูตรสามารถนำไปใช้ได้จริง มีรายละเอียดเหมาะสม และมีการเรียงลำดับหัวข้อต่าง ๆ เป็นไปอย่างเหมาะสม สื่ออ่านเข้าใจง่าย สามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง ทั้งนี้ เนื่องมาจากการจัดหลักสูตรได้มีการสำรวจความต้องการ และนำหลักสูตรที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน เช่น การส่งผลงาน การทำกิจกรรมต่าง ๆ แม้ว่าจะเป็น การค้นหาข้อมูลจาก google หรือการสร้างเว็บบล็อก และการสร้างเว็บ blogger เป็นต้น
ความตึงเครียดในการอบรมฯ
สวัสดีคับ
byebye
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น